Travel Review : ชมหมอกรับลมหนาวที่ไร่ริมผา ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์
หน้าหนาวแล้วและในกรุงเทพนั้น
สภาพอากาศร้อนๆหนาวๆ ไม่ทันใจวัยรุ่น เลยวางแผนไปหาอากาศหนาวๆเองซะเลย เรื่องเริ่มที่ว่าคุยกันกับแฟนไว้นานแล้วว่าอยากลองไปกางเต้นท์นอนอากาศเย็นๆดู
แต่อยากไปแบบสบายๆ ไม่อยากรีบไปแล้วต้องรีบกลับมาทำงานวันรุ่งขึ้น
แพลนนี้เลยพับไว้นานมาก จบมาท้ายๆปีนี้ ลาออกจากงานกันทั้งคู่ ด้วยความเครียดสะสม
เลยยกแพลนนี้มาปัดฝุ่นซักหน่อย ได้ใช้แล้ว เป็นอิสระแล้ว จะไปกี่วันก็ได้ ฮ่าๆๆ
ไม่รอช้า วางแผนออกมาได้ 10
– 15 วัน 6 – 7 จังหวัดมาราธอนยาวๆไป
นอนเต้นท์สลับกับที่พักราคาไม่แพง แอบบอกว่าไปซื้อเต๊นท์ยี่ห้อ K2 มา เผื่อใครไม่รู้จักว่าเต๊นท์อันไหนดีไม่ดียังไง มีคนแนะนำมาอีกทีเหมือนกันค่ะ ศึกษาต่อเอาเองน้าาาา
ยานพาหนะที่ใช้เป็นรถ city เครื่อง 1,500 CNG วางแผนเรื่องปั๊มแก๊สกันดีๆหน่อยจะประหยัดได้เยอะนะ อย่างเราเติมจากกทม. ขับไปทางหลวงหมายเลข 1 จนสระบุรี แวะเติมปั๊มสุดท้ายก่อนออกจากสระบุรีที่ TPI โพลีนพาวเวอร์ ต่อด้วยเส้น 21 ขึ้นไปตรงๆยาวๆ ใครขับรถด้วยแก๊ส ไม่ว่าจะ NGV , LPG , E85 ก็โหลด App นี้มาดูนะ ช่วยชีวิตได้เลย
ปล. ทางไปทับเบิกไม่มีปั๊มแก๊สเลยนะ ต้องต่อด้วยน้ำมัน แล้วไปหาเติมเอาจังหวัดอื่น ก่อนขึ้นเขาเติมกันไปเผื่อๆด้วยนะ เดินทางน้ำมันหมดกลางเขามันอันตรายนา..
App : PUMP GAS
ยานพาหนะที่ใช้เป็นรถ city เครื่อง 1,500 CNG วางแผนเรื่องปั๊มแก๊สกันดีๆหน่อยจะประหยัดได้เยอะนะ อย่างเราเติมจากกทม. ขับไปทางหลวงหมายเลข 1 จนสระบุรี แวะเติมปั๊มสุดท้ายก่อนออกจากสระบุรีที่ TPI โพลีนพาวเวอร์ ต่อด้วยเส้น 21 ขึ้นไปตรงๆยาวๆ ใครขับรถด้วยแก๊ส ไม่ว่าจะ NGV , LPG , E85 ก็โหลด App นี้มาดูนะ ช่วยชีวิตได้เลย
ปล. ทางไปทับเบิกไม่มีปั๊มแก๊สเลยนะ ต้องต่อด้วยน้ำมัน แล้วไปหาเติมเอาจังหวัดอื่น ก่อนขึ้นเขาเติมกันไปเผื่อๆด้วยนะ เดินทางน้ำมันหมดกลางเขามันอันตรายนา..
App : PUMP GAS
เริ่มที่ไร่ริมผา ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์
ออกเดินทางกันตั้งแต่ตี 5 กว่าจะมาถึง ก็ บ่ายโมงได้
ไม่รีบค่ะ แวะข้างทางเรื่อยๆ เติมแก๊สบ้าง แวะเข้าห้องน้ำ แวะทานข้าวบ้าง
ถ้าใครที่ไม่เคยมาแนะนำนะคะ พอเข้าจังหวัดเพรชบูรณ์แล้ว แนะนำให้เสิร์จทางขึ้นภูทับเบิกดีๆนะ
บางเส้นอ้อมกว่านิดหน่อยแต่เดินทางสะดวกกว่า บางเส้นเคยมีข่าวรถตกผาด้วย
เช็คก่อนเพื่อความปลอดภัยนะคะ ใครขี้เกียจอ่านรายละเอียดข้ามย่อหน้าต่อไปไปเลยค่ะ
ดูเลขเส้นถนนดีๆนะคะ ตรงถนนหมายเลข 21 ที่เป็นสีน้ำเงิน ถ้าขับตรงมาเรื่อยๆจะเจอ 4 แยก จริงๆแล้วตอนไป GPS มักจะบอกให้ตรงไปทางหมายเลข 21 แล้วไปเลี้ยวซ้ายตรงถนน 2005 บอกตรงนี้เลยนะคะว่า "อย่าไป" ทางอันตรายนะคะ ที่เคยเป็นข่าวตกเขา อย่าไปทางนี้ ไปทาง 2372 ตามภาพที่เห็นดีกว่า เวลาก่อนจะเชื่อถ้าไม่ชำนาญเส้นทางอยากให้จอดแวะเสิร์จหาข้อมูลก่อนไปนะคะ พิมพ์เลขถนน จะมีคนมาถามก่อนหน้าเราอยู่แล้วค่ะ ส่วนมากจะในพันทิป ให้เชื่อข้อมูลเหล่านั้นมากกว่า GPS นะคะ หรือเอาแบบเร็วๆก็แวะถามชาวบ้านแถวนั้นเลยค่ะ แต่อยากให้ดับเบิ้ลเช็คนะคะ เพราะเสียเวลาก็ดีกว่าเอาชีวิตไปเสี่ยงเนอะ
ดูเลขเส้นถนนดีๆนะคะ ตรงถนนหมายเลข 21 ที่เป็นสีน้ำเงิน ถ้าขับตรงมาเรื่อยๆจะเจอ 4 แยก จริงๆแล้วตอนไป GPS มักจะบอกให้ตรงไปทางหมายเลข 21 แล้วไปเลี้ยวซ้ายตรงถนน 2005 บอกตรงนี้เลยนะคะว่า "อย่าไป" ทางอันตรายนะคะ ที่เคยเป็นข่าวตกเขา อย่าไปทางนี้ ไปทาง 2372 ตามภาพที่เห็นดีกว่า เวลาก่อนจะเชื่อถ้าไม่ชำนาญเส้นทางอยากให้จอดแวะเสิร์จหาข้อมูลก่อนไปนะคะ พิมพ์เลขถนน จะมีคนมาถามก่อนหน้าเราอยู่แล้วค่ะ ส่วนมากจะในพันทิป ให้เชื่อข้อมูลเหล่านั้นมากกว่า GPS นะคะ หรือเอาแบบเร็วๆก็แวะถามชาวบ้านแถวนั้นเลยค่ะ แต่อยากให้ดับเบิ้ลเช็คนะคะ เพราะเสียเวลาก็ดีกว่าเอาชีวิตไปเสี่ยงเนอะ
พอเช็คเส้นทางเรียบร้อย แวะทานข้าว เติมน้ำมันก่อนขึ้นภู
ที่สำคัญอีกอย่างคือยาดมค่ะ ช่วยชีวิตได้มาก เพราะมันเป็นร้อยโค้งและชันมาก
ส่วนตัวขนาดทานยาแก้เมารถแล้วยังจะไม่รอดเลยค่ะ
ระหว่างทางก็เจอไร่สตอเบอร์รี่กับไร่กะหล่ำเป็นช่วงๆ
พอขึ้นมาเริ่มสูงก็จะเจอจุดพักรถ จุดชมวิว แนะนำให้พักบ้างก็ดีนะคะถ้าเป็นรถเก๋ง ยางนี่กลิ่นไหม้เริ่มออกเลยค่ะ ดีว่าเพิ่งเปลี่ยนก่อนไป เช็คสภาพยางกันดีๆนะคะ ยางรถเป็นส่วนเดียวของรถที่เกาะถนนไว้ สำคัญมากกก ยิ่งรถแก๊สยิ่งสมควรพักรถนะคะ รถจะร้อนกว่ารถที่ใช้น้ำมันธรรมดา แวะพักทั้งรถทั้งคน ถ่ายรูปพักซักหน่อย วิวสวย อากาศบริสุทธิ์ดีค่ะ
แล้วค่อยไปต่อทางเป็นแบบนี้เลย ทั้งโค้งทั้งชัน (Eco Car ก็มาไหวนะคะ เห็นคนพามาอยู่)
เกร็ดระหว่างขับรถขึ้นภู : เวลาขับขึ้นอย่าขับช้ามากจนรถเกือบหยุดนะคะ ถึงแม้ทางจะชัน แต่ยิ่งขับช้าจะยิ่งต้องใช้กำลังรถมากขึ้นตามกฏแรงเฉื่อย ขับขึ้นน่ะอย่าไปกลัว แต่ขาลงให้ระวังมากๆค่ะ
เกร็ดระหว่างขับรถขึ้นภู : เวลาขับขึ้นอย่าขับช้ามากจนรถเกือบหยุดนะคะ ถึงแม้ทางจะชัน แต่ยิ่งขับช้าจะยิ่งต้องใช้กำลังรถมากขึ้นตามกฏแรงเฉื่อย ขับขึ้นน่ะอย่าไปกลัว แต่ขาลงให้ระวังมากๆค่ะ
พอมาถึงไร่ริมผาก็หาที่จอดรถเลยจ้า
แล้วลงไปหาที่กางเต้นท์ได้เลย ที่นี่มีแบบเป็นบ้านพักด้วยนะคะ
แต่ส่วนตัวว่าบรรยากาศกางเต้นท์ดีกว่า ที่จอดรถสำหรับคนเอาเต้นท์มาเอง
ดูตามรูปข้างล่างได้เลย
ที่จอดจะเป็นแถวตอนลึกนะ คือเข้าแล้วออกไม่ได้ จะออกคือต้องประกาศให้คนอื่นขยับกันวุ่นเชียว เตรียมตัวให้พร้อม จอดแล้วจบเลยดีกว่าเนอะ
ที่จอดจะเป็นแถวตอนลึกนะ คือเข้าแล้วออกไม่ได้ จะออกคือต้องประกาศให้คนอื่นขยับกันวุ่นเชียว เตรียมตัวให้พร้อม จอดแล้วจบเลยดีกว่าเนอะ
จอดรถเสร็จ หาที่ได้เรียบร้อยก็กางเต้นท์ กางได้เลยตามอัธยาศัย อย่าไปขวางทางเดินก็พอ กางได้เลยนะ เดี๋ยวตอนเช้าจะมีคนมาเดินเก็บค่ากางเต้นท์เอง ขนของกันเล้ย เลือกหน้าๆเลยเพราะอยากตื่นมาเปิดเต้นท์เจอหมอก
^^ กว่าจะกางเต้นท์ขนของเสร็จแดดยังมีแต่อากาศเริ่มเย็นๆละ เลยสบายๆ
นอนพักในเต้นท์มันนั่นละ ค่อยตื่นมาทานข้าวเย็น
บ้านพักกับลานกางเต้นท์
ยิ่งดึกลมยิ่งแรง แรงมากๆ เสียงลมกระทบเต้นท์ยิ่งบิ๊วให้หนาว
มันหนาวเข้าไส้เพราะลมนี่ละ กัดฟันกันไปไม่รู้ตัว สะดุ้งตื ่นมาตี 2 ต้องเอาเตามาเปิดอังไฟ
ถุงมือเอย ฮู้ดเอยเอาไม่อยู่จ้า
แต่ดาวก็ชัดและเยอะมากเช่นกัน ตอนกลางคืนลานกางเต๊นไม่มีไฟฟ้านะคะ เตรียมไฟไปเอง หรือที่ไร่มีเทียนขายแต่แอบแพง ของบนนี้แพงหมดแหละ ก็ต้องมีค่าขนส่งเยอะอะเนอะ (เช่น กระดาษทิชชู่ม้วนละ 40 บาท)
วันนั้นวันธรรมดานะ แต่คนมาพักเยอะมากๆ มาแบบนี้สิ่งที่ควรทำคืออย่าส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นมากนะคะ แล้วก็ใครพาเด็กไปก็ดูแลน้องดีๆนะคะ ถึงจะมีที่กั้นแต่ใช่ว่าเด็กจะลอดไปไม่ได้
กินอิ่มนอนดูดาวพักผ่อน แล้วตั้งนาฬิกาปลุกกันตั้งแต่ตี 4-5 ดังทีก็ทยอยตื่นมานอนกลิ้งๆ รอพระอาทิตย์ขึ้น รอดูหมอก
กินอิ่มนอนดูดาวพักผ่อน แล้วตั้งนาฬิกาปลุกกันตั้งแต่ตี 4-5 ดังทีก็ทยอยตื่นมานอนกลิ้งๆ รอพระอาทิตย์ขึ้น รอดูหมอก
เปิดเต้นท์มาก็เจอภาพนี้ ชื่นใจมาก
แต่ก็หนาวมากๆๆ(ลมแรงได้ใจ) มองจากในเต้นท์นี่ละ ออกไปไม่ไหว
พอแดดขึ้นมาอีกสักหน่อยก็ค่อยออกไปถ่ายรูป ยืนมองความสวยงาม
สูดอากาศบริสุทธิ์เยอะๆ ปลดปล่อยความเครียดที่สั่งสมมาตลอดปี
ดูวิวสักพักใหญ่ๆก็ทำกับข้าวกินหน้าเต้นท์ กินไปดูวิวไป
รู้สึกสดชื่นมากๆเลยค่ะ ระหว่างนี้จะมีจนท.เดินมาเก็บค่าที่นะคะ
เอาเต้นท์มาเองเสียคนละ 100
บาท(ก่อนมาคนอื่นว่าคนละ 50 โดนเก็บคนละ 100 เขาบอกราคาใหม่)
ทานเสร็จเรียบร้อยก็เก็บเครื่องครัว เก็บของ นอนพักสักงีบนึง
ตื่นมาอาบน้ำแปรงฟัน แล้วก็เก็บของเก็บเต้นท์ ความจริงแล้วควรรีบออกนะคะ
เพราะคนอื่นๆจะมากางเต้นท์ต่อค่ะ รถจะค่อนข้างเยอะ คนจะเข้าก็รอเข้ามาจอด
คนจะออกก็วิ่งปั่นเก็บของรีบออกเด๋วรถเยอะออกลำบากค่ะ
สรุป
ค่ากางเต้นท์แบบเอามาเอง คนละ 100 บาท
ควรเลือกเส้นทางก่อน เพื่อความปลอดภัย
หยุดพักรถเป็นช่วงๆ เดี๋ยวเบรคไหม้
*รีวิวนี้ไม่มีสปอนเซอร์
ติดต่อสอบถามไร่ริมผาได้ที่
ที่อยู่ :
160 หมู่ 14 ต.วังบาล อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์
Ban Noen,
Phetchabun, Thailand
โทร : 084 822
2625
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกัน ฝากเตรียมตัวชมบทความต่อไป Day 2 ที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว
จ.เพชรบูรณ์ นะคะ ขอบคุณค่า
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น